Sea Survival หลักสูตรที่ต้องผ่านก่อนมาทำงานในทะเล
.
จากชีวิตคนบนฝั่งมาสู่ชีวิตคนนอกฝั่ง สิ่งที่ทุกคนต้องผ่านเหมือนกันคือ หลักสูตรการเอาชีวิตรอดกลางทะเล ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานการอบรมที่ก่อนจะก้าวเท้าย่างลงไปทำงานในทะเล อันนี้คือสิ่งพื้นที่เราควรต้องรับรู้ โดยเนื้อหาของเรื่องราวจะเริ่มตั้งแต่กฎหมายทางทะเลพื้นฐานไปจนถึงวิธีการรับมือในสถานการณ์ฉุกเฉิน เสื้อชูชีพ ห่วงชูชีพ เรือ แพ ถึงขนาดการดับเพลิง ก็ต้องรู้ เรียกว่าจบหลักสูตรนี้ไปเราจะมองพวกอุปกรณ์กู้ภัยในยามฉุกเฉินไม่เหมือนเดิมอีกเลย โดยจะมีองค์กรระหว่างประเทศที่ชื่อว่า Offshore Petroleum Industry Training Organization (OPITO) เป็นผู้ควบคุมมาตรฐานหลักสูตรให้เหมือนกันทั้งโลก ซึ่งถ้าเราผ่านจากหลักสูตรที่ OPITO รับรอง เราจะสามารถใช้หลักฐานอันนี้ยื่นสมัครงานได้ยัง offshore ทั่วโลกที่ใช้มาตรฐานเดียวกัน โดยไม่ต้องเรียนใหม่ครับ ในเมืองไทยมีสอนหลักสูตรนี้ด้วยครับ ไม่ต้องไปเรียนถึงต่างประเทศ
.
ผมมาลองสรุปเนื้อหาคร่าวๆ ที่ได้ผ่านมาว่าหน้าตามันเป็นอย่างไรครับ
.
การเอาตัวรอดในทะเล หรือ Sea Survival
ทำความรู้จักกับเสื้อชูชีพหลากหลายรูปแบบ (แบบที่เราจะไม่เห็นเวลาเราไปออกทริปท่องเที่ยวตามหมู่เกาะต่างๆแบบที่คุ้นเคย) การเกาะกลุ่มกันเวลาที่อยู่บนทะเล แบบไปไหนไปด้วยกัน การหาผู้นำทีมต้องนำทีมอย่างไรในทะเล การรวมกลุ่มกันเป็นเส้นตรงหรือวงกลมเพื่อให้เป็นเป้าสายตาเวลามีการช่วยเหลือทางอากาศจะได้มองเห็นชัดขึ้น การช่วยเหลือกู้ชีพพื้นฐานในทะเล รวมไปถึงการฝึกกระโดดน้ำจากที่สูง เวลาต้องหนีภัยจะได้โดดได้เลย ไม่ต้องมากลัวครับ ฝึกใช้แพชูชีพที่จะได้คุ้นเคยที่ต้องกางในเวลาฉุกเฉิน หรือการอาศัยในเรือชูชีพ หลักการอาศัยในเรือหรือการจุดพลุขอความช่วยเหลือ รวมทั้งทำความรู้จักกับอาหารกันตายที่ติดไว้ในเรือไว้กินยามเกิดเหตุครับ ฟังดู advance ไหมครับ ผมคิดว่าอย่างน้อยที่สุดคือการทำให้เราคุ้นเคยกับอุปกรณ์ที่เรากำลังจะเจอ และถ้าโชคร้ายเกิดเหตุการณ์จริงๆ จะได้ไม่ panic นั่นเองครับ ที่เราเคยเห็นแคปซูลสีขาวๆติดอยู่ตามเรือแล้วมีคนบอกว่าข้างในคือแพชูชีพ ก่อนหน้านี้ผมก็คิดไม่ออกว่าถ้ามันอยู่ในน้ำจะหน้าตาเป็นอย่างไร เราจะมารู้จักมันดีก็ตอนนี้ครับ เพราะเจ้าแคปซูลเหล่านี้ถ้าได้สัมผัสกับพื้นน้ำมันจะกลายร่างกลายเป็นแพที่มีคนอาศัยเอาตัวรอดได้นับสินคนพร้อมอาหารที่สามารถประทังชีวิตพร้อมรอการช่วยเหลือได้
.
การกู้ชีพพื้นฐาน (Emergency First Aid)
หรือคือการเรียนหลักสูตร basic CPR นั่นเองครับ การช่วยหายใจที่ถูกต้อง และ การปั๊มหัวใจที่ถูกต้อง ถ้าเป็นคนทั่วไปก็จะจบที่ตรงนี้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเรียนรู้เพราะเวลาออกงานจริง ส่วนใหญ่ที่ปฎิบัติงานมักจะมีบุคลากรทางการแพทย์อย่างมาก 1-2 คน ซึ่งการทำ CPR จำเป็นต้องมีผู้ช่วยเหลือที่ดีและคนช่วยที่ดีที่สุดก็คือคนบนเรือนั่นเองครับ ส่วนถ้าเป็นสายแพทย์ต้องไปผ่านหลักสูตร ACLS (Advance Cardiac Life Support) อีกทีครับ
.
เรียนรู้เรื่องการดับเพลิงและการหนีเอาตัวรอดออกจากอาคารที่กำลังโดนไฟไหม้ (Fire Fighting)
เราจะได้มีโอกาสจับเครื่องดับเพลิงจริงๆในหลายๆรูปแบบ ในหลายๆสถานการณ์ ได้ทดลองเล่นกับไฟจริงๆ ได้ฉีดเอง ได้ดับเอง เรียนรู้ว่าต้นเพลิงแบบไหนควรต้องใช้อะไรดับ ไม่ใช่ทุกอย่างที่สามารถใช้น้ำดับได้แบบนี้ครับ ที่สนุกอีกอย่างก็คือไปฝึกเล่นคลำทางในอาคารมืดที่จำลองว่ามีควันไฟเกิดขึ้นแล้วเราต้องก้มต่ำแล้วค่อยๆคลำผนังคลำทางไปเรื่อยๆ แบบในหนังภาพยนตร์แบบนั้น
.
ฝึกการเอาตัวรอดออกจากเฮลิคอปเตอร์ (Helicopter Survival training)
ถึงแม้ว่า ฮ.ตก จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดได้ยากมาก แต่ก็สามารถเกิดได้ และเส้นทางออฟซอร์เกือบทั้งหมดคือการบินในทะเล ดังนั้นเลยมีการสอนเรื่องการเอาชีวิตรอดออกจากเฮลิคอปเตอร์ถ้ามันเกิดตกลงไปในน้ำครับ โดยจะมีการจำลองการตกน้ำหลายๆรูปแบบ ตั้งแต่ จอดแบบปกติในนั้น ไปจนถึงกระทั่งตกแล้วพลิกคว่ำเราจะเอาตัวรอดออกมาได้อย่างไร หน้าต่างของเฮลิคอปเตอร์ทุกบานเป็นชนิดผลักออกได้ไว้เอาตัวรอด ตัวเครื่องช่วยหายใจเราต้องหยิบขึ้นมาใช้ตอนไหน (จะเห็นความแตกต่างอย่างมากระหว่างการนั่งเครื่องบินกับเฮลิคอปเตอร์ตอนนี้ครับ)
.
และ 4 เรื่องนี้ก็คือเรื่องที่คนจะไปทำงานกลางทะเล จะโดนบังคับให้ต้องมาเรียนรู้ก่อนไม่ว่าจะทำงานในหน้าที่อะไรก็ตาม ก่อนที่จะแยกย่อยไปเก็บหน่วยกิตเพิ่มเติมในหน้าที่เฉพาะของแต่ละคนครับ
.
ในตอนจบสไลด์การเรียน ครูสอนสรุปสั้นๆว่าที่เราเรียนแบบนี้ เราเรียนไปเพื่ออะไร
.
คำตอบก็คือ
.
"เพื่อจะได้กลับไปพบกับคนที่คุณรักที่รอคุณอยู่ที่ชายฝั่งนั่นเองครับ"